วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การเกิดสนามแม่เหล็กหมุน

1.2 การเกิดสนามแม่เหล็กหมุน
1.2.1 หลักการเหนี่ยวนำไฟฟ้า
                การเหนี่ยวนำแรงเคลื่อนไฟฟ้าเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างแม่เหล็กและแรงเคลื่อนไฟฟ้า คือ เมื่อมีกระแสไหลผ่านตัวนำจะเกิดสนามแม่เหล็กขึ้นรอบๆ ตัวนำ หรือเมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่จะเกิดสนามเหล็กขึ้น ในทางตรงกันข้ามเมื่อสนามแม่เหล็กตัดกับตัวนำ จะเกิดอิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในตัวนำทันทีปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้า E.M.F ก่อนที่จะเกิดกระแสไหล หรืออิเล็กตรอนไหลในตัวนำที่ถูกสนามแม่เหล็กตัดผ่าน ปรากฏการณ์นี้คือการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งทฤษฎีนี้เป็นการค้นพบโดย นายไมเคิล  ฟาราเดย์
                กฎของฟาราเดย์ เกี่ยวกับการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า สรุปได้ดังนี้คือ
เมื่อใดก็ตามที่เส้นแรงแม่เหล็กที่ตัดผ่านตัวนำเกิดการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นในตัวนำนั้น หรือเมื่อใดก็ตามถ้าตัวนำตัดกับเส้นแรงแม่เหล็กจะเกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นในตัวนำเช่นกัน

ทิศทางของกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ
รูปที่1.6 แสดงทิศทางของกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ

                ทิศทางของกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำทิศทางของเส้นแรงแม่เหล็กเคลื่อนที่และทิศทางของตัวนำเคลื่อนที่จะมีความสัมพันธ์ซึ่งทิศทางของกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำจะสามารถหาได้โดย กฎมือขวาของเฟรมมิ่ง หรือกฎของเลนซ์

               กฎมือขวาของเฟรมมิ่ง   คือยกมือขวาแล้วกางนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ตั้งฉากซึ้งกันและกัน โดยที่นิ้วชี้แทนการเคลื่อนที่ของเส้นแรงแม่เหล็ก  นิ้วหัวแม่มือแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของตัวนำและนิ้วกลางแสดงทิศทางของกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นในตัวนำ


รูปที่1.7 แสดงกฎมือขวาของเฟรมมิ่ง
กฎของเลนซ์

รูปที่1.8 แสดงการสาธิตกฎของเลนซ์
             เมื่อตัวนำเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็กในแนวตั้งฉาก   จะเกิดการเหนี่ยวนำตามกฎของ   ฟาราเดย์เมื่อเกิดการเหนี่ยวนำหากตัวนำต่อครบวงจร จะมีกระแสไหลในตัวนำ ซึ่งทิศทางการไหลของกระแสในตัวนำขึ้นอยู่กับกฎมือขวาของเฟรมมิ่ง ดังในรูปกระแสจะไหลขึ้นด้านบนของตัวนำมีศักย์เป็นบวก ด้านล่างของตัวนำมีศักย์เป็นลบ กระแสจะไหลครบวงจร เมื่อตัวนำมีกระแสไฟฟ้าไหลจะเกิดเส้นแรงแม่เหล็กขึ้นรอบๆ ตัวนำนั้น เส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกฎมือขวาผลรวมของเส้นแรงแม่เหล็กจากขั้ว  N-S  และที่บริเวณรอบๆตัวนำจะทำให้เกิดแรงด้านการเครื่องที่ตัวนำ  สังเกตได้จากความเร็วของเครื่องกำเนิดจะลดลง
รูปที่ 1.9 แสดงการเกิดสนามแม่เหล็กหมุน

                  รูปที่ 1.9 แสดงลักษณะสนามแม่เหล็กหมุนที่เกิดขึ้นในสเตเตอร์ของมอเตอร์เหนี่ยวนำ 3 เฟส
ผลจากการวางขดลวดทั้ง 3 ชุดห่างกัน 120 องศาทางไฟฟ้าเมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้า 3 เฟสเข้าในขดลวดดังกล่าวมาแล้ว ณ คาบเวลาที่เปลี่ยนไปจะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กหมุนดังรูปที่ 1.9 ซึ่งสนามแม่เหล็กหมุนจะมีความเร็วเท่ากับ synchronous speed
อธิบายการเกิดสนามแม่เหล็กหมุน
                ในมอเตอร์ Induction Three Phase motor นั้นการวางขดลวดในมอเตอร์จะวางห่างกันเป็น 120 องศาทางไฟฟ้า ซึ่งเมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับขดลวดมอเตอร์ กระแสก็จะต่างเฟสกันอยู่ 120 องศาทางไฟฟ้า และเมื่อพิจารณาตามรูปคลื่นกระแสไฟฟ้า ก็จะบอกถึงลักษณะการเกิดสนามแม่เหล็กหมุนได้ดังนี้
ที่เวลา t1 เฟส 1 ที่ตำแหน่ง U = 0 , X =  0 คือ ตำแหน่งของขั้วแม่เหล็ก N – S เฟส 2       Z = - ,W = + และ เฟส 3 V = -, Y = + ทำให้ขั้วแม่เหล็ก N – S ชี้หรืออยู่ในทิศทางดังรูป (ก)
                ที่เวลา t2 เฟส 1 ที่ตำแหน่ง U = + ,X =  -  และเฟส 2 V = -, Y = + และ ที่เฟส 3 ที่ตำแหน่ง W= + ,Z = - จากตำแหน่งที่ 2 ที่เวลา t2 ก็จะทำให้ขั้วแม่เหล็ก  N ,S เปลี่ยนตำแหน่งไปในทิศทางดังรูป (ข)
                ที่เวลา t3 เฟส 1 ที่ตำแหน่ง U = + ,X =  -  และเฟส2 V = -, Y = + และ ที่เฟส 3 ที่ตำแหน่ง W= - ,Z = + ที่เวลาt3  ก็จะทำให้ขั้วแม่เหล็ก  N ,S เปลี่ยนตำแหน่งไปในทิศทางใหม่ดังรูป (ค)
                ที่เวลา t4 เฟส 1 ที่ตำแหน่ง U = + ,X =  -  และเฟส 2 V = +, Y = - และ ที่เฟส 3 ที่ตำแหน่ง W= - ,Z = + ที่เวลา t4 ก็จะทำให้ขั้วแม่เหล็ก  N ,S เปลี่ยนตำแหน่งไปในทิศทางดังรูป (ง)
                ที่เวลา t5 เฟส 1 ที่ตำแหน่ง U = - ,X =  +  เฟส 2 ตำแหน่ง V = +, Y = - และ เฟส 3 ที่ตำแหน่ง W= - ,Z = + ที่เวลา t5  ก็จะทำให้ขั้วแม่เหล็ก  N ,S เปลี่ยนตำแหน่งไปในทิศทางใหม่ดังรูป (จ)
                 ที่เวลา t6
เฟส 1 ที่ตำแหน่ง U = -,X = +
เฟส 2 ที่ตำแหน่ง V = +,Y = -
เฟส 3 ที่ตำแหน่ง W = +,Z = -
                ที่ตำแหน่งที่ 6 เวลา t6 ก็จะทำให้ขั้วแม่เหล็ก N,S เป็นไปในทิศทางใหม่ดังรูป (ฉ)
ที่เวลา t7
                เฟส 1 ที่ตำแหน่ง U = -,X = +
                เฟส 2 ที่ตำแหน่ง V = -,Y = +
                เฟส 3 ที่ตำแหน่ง W = +,Z = -
                ที่ เวลา t7 ก็จะทำให้ขั้วแม่เหล็กเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใหม่ดังรูป (ช)
ที่เวลา t8
                เฟส 1 ที่ตำแหน่ง U = 0,X = 0
                เฟส 2 ที่ตำแหน่ง V = -,Y = +
                เฟส 3 ที่ตำแหน่ง W = +,Z = -
                ที่ เวลา t8 ขั้วแม่เหล็ก N,S จะเปลี่ยนแปลงหรือหมุนครบรอบที่ t8 =1 รูปคลื่นไซน์ 1 ลูก ที่เฟส 1 ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กหมุนครบ 1 รอบ พอดีที่ตำแหน่งขั้วแม่เหล็ก N,S ดังรูป (ซ)
               
                สรุป คือ การเกิดสนามแม่เหล็กหมุนในมอเตอร์ 3 เฟส Induction Three Phase motor เกิดได้จากการที่ขดลวดห่างกันเป็น 120 องศาทางไฟฟ้า และเมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ขดลวด ก็จะมีกระแสที่ต่างกันอยู่ 120 องศาทางไฟฟ้า ดังรูปคลื่นไซน์ กล่าวคือ สนามแม่เหล็กเกิดขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้าดังรูปคลื่นไซน์ ที่ตำแหน่งต่างๆ และที่เวลาใดๆ จนครบ 1 รอบ ของการเกิดสนามแม่เหล็กหมุน













วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มอเตอร์ 3 เฟส

มอเตอร์ (Electric  motor คือเครื่องกลไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกลสำหรับไปขับเคลื่อนเครื่องจักร
1.1 โครงสร้างและส่วนประกอบของมอเตอร์ 3 เฟส  
1.1.1 โครงสร้างของมอเตอร์ 3 เฟส
      มอเตอร์เหนี่ยวนำ 3 เฟส มีส่วนประกอบหลักๆ คือส่วนที่อยู่กับที่หรือ สเตเตอร์(Stator )ส่วนหมุนหรือโรเตอร์(Rotor) และฝาปิดหัวท้ายของมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ยึดเพลาเท่านั้น ซึ่งมีราย
ละเอียดดังนี้
 1.  สเตเตอร์ (Stator)
     ส่วนที่อยู่กับที่หรือ สเตเตอร์ของมอเตอร์เหนี่ยวนำ 3 เฟส มีโครงสร้างคือ ทำจากแผ่นเหล็ก
บางอัดซ้อนกัน และอัดเป็นแท่งรูปทรงกระบอกเพื่อทำหน้าที่เป็นสล๊อตวางขดลวด 3 เฟสลักษณะภายนอกของมอเตอร์เหนี่ยวนำ 3 เฟส ที่มีโรเตอร์แบกรงกระรอก 

 รูปที่ 1 การลงขดลวดในสล็อตของสเตเตอร์
โรเตอร์ (Rotor)
       คือส่วนที่สามารถหมุนได้  โรเตอร์ของมอเตอร์เหนี่ยวนำ 3 เฟส แบ่งตามโครงสร้างได้ 2 ชนิด คือ
2.1  โรเตอร์แบบกรงกระรอก 
      โรเตอร์แบบกรงกระรอก (Squirrel – cage rotor ) เป็นโรเตอร์ รูปทรงกระบอกผิวรอบๆ  โรเตอร์เรียบ ผิวด้านนอกฝังแท่งตัวนำทำด้วยทองแดงตลอดความยาวของโรเตอร์ ที่ปลายแต่ละด้านของแท่งตัวนำทุกตัวบนโรเตอร์ต่อลัดวงจรด้วยทองแดงรูปวงแหวนสำหรับโรเตอร์ ของมอเตอร์เหนี่ยวนำขนาดเล็กและขนาดกลาง จะใช้แท่งตัวนำอะลูมิเนียมฉีดเข้าไปในโรเตอร์ 


รูปที่ 2 โรเตอร์แบบกรงกระรอก

หน้าที่หลักของส่วนประกอบหลักในมอเตอร์ 3 เฟส
1.   Frame ทำจากเหล็กหล่อ หรืออลูมิเนียมหล่อ ที่ผิวรอบๆ Frame  จะมีครีบระบายความร้อน           ติดอยู่ frame มีหน้าที่เป็นตัวยึดโครงสร้างและส่วนประกอบของมอเตอร์และเป็นส่วนหนึ่งของทางเดินของเส้นแรงแม่เหล็ก
 2.  Stator ทำจาก lamination steel นำมาอัดเป็นรูปทรงกระบอกกลวงกลางไว้สำหรับสอดใส่ rotor ด้านในจะมีร่อง slot ไว้พันขดลวด
 3.  ขดลวด สำหรับในมอเตอร์ 3 เฟสจะมีขดลวด 3 ชุดพันอยู่วางห่างกันเป็นมุม 120 องศาทางไฟฟ้า
 4.  Squirrel cage rotor  ทำด้วย laminated iron core อัดเป็นรูปทรงกระบอก แล้วมีแท่ง อลูมิเนียม หรือทองแดงร้อยทะลุอยู่บริเวณพื้นผิวรอบๆ rotor และที่หัวท้ายของ rotor จะมี aluminuium or copper ring คอย short aluminuium or copper bar ให้ครบวงจรในตัวมันเอง
 5.  End plate     ทำด้วยเหล็กหรืออลูมิเนียมหล่อ ใช้ปิดหัวท้ายของมอเตอร์ และมีฝาสำหรับรองรับ แบริ่งเพื่อให้ rotor หมุนอยู่ในแนวศูนย์กลาง
 6.  Fan   พัดลมจะติดอยู่กับเพลา ทำหน้าที่ช่วยระบายความร้อนให้มอเตอร์
 7. End Shield เป็นฝาครอบพัดลม    


รูปที่ 3 ส่วนประกอบของมอเตอร์